วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ประวัติบริษัทบ้านสมุนไพรชัยมงคล

                     บริษัทบ้านสมุนไพรชัยมงคล


ได้นำเข้ผลิตภัณฑ์คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ 100 %ในรูปผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจาก บริษัท ดี ซูซ่าอินเตอร์เนชั่นแนล อินเตอร์คอร์ปอเรชั่น โดยคลอโรฟิลล์ของดีซูซ่า ได้รับการยอมรับว่าเป็นคลอโรฟิลล์ชนิดละลายน้ำได้ (WATER SOLUBLE) และเป็นคลอโรฟิลล์ที่บริสุทธิ์สูงที่สุดที่มีการจำหน่ายในท้องตลาดปัจจุบันและเป็นบริษัทเดียวที่ได้รับหนังสือรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาในเงื่อนไขความบริสุทธิ์ของผลิตภัณฑ์ และเป็นคลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ต้องมีสารคลอโรฟิลล์ อย่างน้อย95 % เป็นคลอโรฟิลล์ที่ทั่วโลกยอมรับผ่าน อย.เรียบร้อย อย.21-4-00449-1-001

                               ประธานบริษัท บ้านสมุนไพรชัยมงคล
                                      คุณ ชัยมงคล ศรีอุดม
                                     สำนักงานใหญ่ จังหวัดระยอง
             ที่ตั้ง เลขที่ 
103/9 หมู่ 6 ถ.เลี่ยงเมืองสาย 3 ต.ทับมา อ.เมืองระยอง จ.ระยอง 21000  ประเทศไทย






    บริษัท ดี ซูซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล อินคอร์ปอเรชั่น
 บริษัท ดี ซูซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล อินคอร์ปอเรชั่น(WWW.DESOUZAS.COM) ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1938 โดยใช้ชื่อว่า ดี ซู่ซ่า ฟู๊ด คอมพานี ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น ดี ซูซ่า
คอร์ปอเรชั่น และเป็น ดี ซูซ่า อินเตอร์เนชั่นแนลอินคอร์ปอเรชั่นในที่สุด
เมื่อ ดี ซู่ซ่า ได้ขยายตลาดครอบคลุมหลายประเทศมากขึ้น โดยยึดมั่นในปรัชญาของบริษัทฯที่ว่ามุ่งมั่นสรรค์สร้างสุขภาพดีซึ่งมิสเตอร์พอล ดี ซูซ่า ผู้ก่อตั้งได้ยึดถือเป็นหลักปฏิบัติตลอดมาพอล ดี ซูซ่า และ ดี ซู่ซ่า ฟู๊ดคอมพานี ถือได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกรายแรกในธุรกิจ อาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งเจริญเติบโตมากมายในปัจจุบัน พอล ดี ซูซ่า เป็นชาวโปตุเกส โดยกำเนิดเมื่อวันที่8 พฤษภาคม ค.ศ.1911 เป็นบุตรคนโตในจำนวน 17 คน เอ็มมานูเอล และมาเรีย-ดี-ซูซ่า ซึ่งอพยพครอบครัวมาอยู่ที่สหรัฐอเมริกาเมื่อเขาอายุได้เพียง 11 ปีได้เดินทางออกจากรัฐแมสซาซูเซตเพื่อไปแสวงโชคด้วยตนเองเมื่ออายุ 17 ปีพอล-ดี-ซูซ่า ได้ย้ายมาอยู่ที่รัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อปีค.ศ.1938พร้อมบริษัท ดี ซูซ่า คอมพานีเพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์พืชที่ดีต้องมาจากดินที่ดี แต่ดินที่ถูกทำลาย
จากปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลงและยากำจัดวัชพืชต่างๆก็สามารถปฏิ พัฒนาให้กลับมามีสภาพที่ดีได้

  ประวัติของ โรซารี่ ดี ซูซ่า
โรซารี่ ดี ซูซ่า-ประธานบริษัทดี ซูซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล อินคอร์ปอเรชั่น ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งในบริษัทตั้งแต่ปี ค.ศ.1970-เป็นนักจิตวิทยาอุทิศเวลาให้กับการศึกษา ด้านศาสนา และให้การสนับสนุน
ช่วยเหลือในการค้นคว้าวิจัยเพื่อสิ่งต่างๆ อาทิเช่น ด้านสุขภาพด้านความสุขและด้านมีชีวิตที่สงบสุขและในที่สุดเมื่อเธอได้พบและแต่งงานกับพอล ดี ซูซ่า ผู้ค้นพบและได้ก่อตั้งบริษัทฯขึ้นจนประสบความสำเร็จในทุกวันนี้โรซารี่ ดี ซูซ่า ยังคงมีโครงการที่จะเปิด Universal Love Activity WholisticCenterขึ้นในรัฐอริโซน่า เพื่ออุทิศให้แก่สามีที่ล่วงลับไปแล้ว


ประวัติของ แคทเทอรีน โอ ฮีล
หลังจากชีวิตการทำงาน 40 ปี ด้านวิทยาศาสตร์เทคนิค และวิศวกรรมเครื่องกล แคทเทอรีนได้ย้ายจากออเร้นจ์ รัฐแคลิฟอเนีย ไปยังซาน จาซินโต้ และได้ลาออก เมื่อปี 1991 ในปีถัดมาเธอได้มีโอกาสได้เข้าร่วมงานที่บริษัทดี ซูซ่า เธอได้ทุ่มเทให้กับการศึกษาทางด้านโภชนาการเพื่อการมีชีวิตที่ดี ในปี1992-เธอได้ดำรงตำแหน่งเป็น Office-Co-ordinatorและในเดือนมิถุนายน ปี 1994 เธอดำรง
ตำแหน่งเป็น Vice President Operations.


 คลอโรฟิลล์ (อังกฤษ: Chlorophyll) เป็นสารประกอบที่พบได้ในส่วนที่มีสีเขียวของพืช โดยพบมาก
ที่ใบนอกจากนี้ยังพบได้ที่ลำต้น ดอก ผลและรากที่มีสีเขียว และยังพบได้ในสาหร่ายทุกชนิด นอกจากนี้ยังพบได้ในแบคทีเรียบางชนิด คลอโรฟิลล์ทำหน้าที่เป็นโมเลกุลรับพลังงานจากแสง และนำพลังงานดังกล่าวไปใช้ในการสร้างพลังงานเคมีโดยกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง เพื่อสร้างสารอินทรีย์ เช่น
น้ำตาล และนำไป ใช้เพื่อการดำรงชีวิต  คลอโรฟิลล์ อยู่ในโครงสร้างที่เรียกว่า เยื่อหุ้มไทลาคอยล์
(Thylakoid membrane)ซึ่งเป็นเยื่อหุ้มที่อยู่ภายใน คลอโร    พลาสต์ (Chloroplast) 
โครงสร้างทางเคมี
คลอโรฟิลล์เป็นสารที่ละลายได้ดีในอะซีโตนและแอลกอฮอล์ โครงสร้างอาจแบ่งได้เป็นสองส่วนคือ ส่วนหัวและส่วนหาง โดยที่ส่วนหัวของคลอโรฟิลล์มีลักษณะเป็นวงแหวนไพรอล(pyrole ring) ที่มีไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบอยู่ 4 วง และมีธาตุแมกนีเซียมอยู่ตรงกลางโดยทำพันธะกับไนโตรเจน ส่วนหัวนี้มีขนาดประมาณ 1.5x1.5 อังสตรอม ส่วนหางของคลอโรฟิลล์
มีลักษณะเป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่มีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบ 20 อะตอม มีความยาวประมาณ 2 อังสตรอม คลอโรฟิลล์ดูดกลืนแสงได้ดีที่ช่วงคลื่นของแสงสีฟ้าและสีแดง แต่ดูด    กลืนช่วงแสงสีเหลืองและเขียวได้น้อย ดังนั้นเมื่อได้รับแสงจะดูดกลืนแสงสีฟ้าและสีแดงไว้ ส่วนแสงสีเขียวที่ไม่ได้ดูดกลืนจึงสะท้อนออกมา ทำให้    เห็นคลอโรฟิลล์มีสีเขียว 
 ในธรรมชาติมีคลอโรฟิลล์อยู่หลายชนิดด้วยกันซึ่งแต่ล่ะชนิดมีโครงสร้างหลักที่เหมือนกันคือวงแหวนไพรอล4 วง แต่โซ่ข้าง (side chain)ของ    คลอโรฟิลล์แต่ละชนิดจะมีลักษณะที่ต่างกันออกไป เช่น คลอโรฟิลล์ เอ(chlorophyll a) และคลอโรฟิลล์ บี (chlorophyll b) มี โครงสร้าง
โมเลกุลที่ต่างกันเพียงตำแหน่งเดียวเท่านั้น นั่นคือ ที่วงแหวนไพรอล วงที่สองของคลอโรฟิลล์ เอมีโซ่ข้างเป็นหมู่เมททิล (-CH3) ส่วน  ของคลอโรฟิลล์ บี เป็นหมู่อัลดีไฮด์ (-CHO)ซึ่งการที่โครงสร้างที่ต่างกันนี้ก็ทำให้มีคุณสมบัติแตกต่างกัน รวมทั้งคุณสมบัติการดูดกลืนแสงก็ต่างกันด้วยและทำให้คลอโรฟิลล์ทั้งสองชนิดนี้มีสีต่างกันเล็กน้อย โดยที่คลอโรฟิลล์ เอ มีสีเขียวเข้มส่วนคลอโรฟิลล์ บี มีสีเขียวอ่อน
ข้อแนะนำและปฏิบัติในการดื่มคลอโรฟิลล์ เพื่อรักษาโรค มีดังนี้...
วิธีผสมคลอโรฟิลล์........                                                                                     
1.ใช้สลิงค์ดูดคลอโรฟิลล์เหลว เข้มข้น 10ชีชี.ผสมน้ำสะอาด1ขวดใหญ่ปริมาณ 1.5ลิตร    
 2.ดื่มวันละ 2 เวลา ตื่นนอนตอนเช้าก่อนแปรงฟัน1แก้วและก่อนนอน1แก้ว(250ชีชี)
จากนั้นให้เพิ่มปริมาณ ขึ้นตามอาการหนักเบาของโรคโดยให้สอบถามผูู้แนะนำอาการทุกครั้ง....
  ภาวะกระทุ้งพิษ  1-7 วันแรก จะรูุู้สึกวิงเวียนศรีษะหรือปวดเมื่อยตามร่างกาย เหมื่อนมีไข้ ท้องผูกปวดท้อง  ท้องอืด เป็นต้น    เรียกอาการเหล่านี้ว่า  
***ปฎิกิริยาตอบโต้การบำบัด ร่างกายคายพิษออกมา  ไม่ใช่ผลข้างเคียงของคลอโรฟิลล์***      
 คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll)
คลอโรฟิลล์ คือ สารประกอบที่ทำให้พืชมีสีเขียว และทำหน้าที่หลักคือ สังเคราะห์แสง
(Photosynthesis)โดยการเปลี่ยนพลังงานจากแสง อาทิตย์ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
และแร่ธาตุต่างๆ จากดินให้กลายเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของพืช
รวมทั้งให้ก๊าซออกซิเจนที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์และสัตว์คลอโรฟิลล์ ธรรมชาติมีหลายชนิด บางชนิดสังเคราะห์แสงได้ในที่มีแสงแดดเท่านั้นแต่บางชนิด สังเคราะห์แสงได้แม้ในที่ไม่มีแสง เช่น ร่างกายของคน จึงมีการค้นคว้าเกี่ยวกับการทำงานหรือปฏิกิริยาคลอโรฟิลล์ ต่อคน พบว่าคลอโรฟิลล์ที่อยู่ในเซลล์ของพืชทั่วไปจะถูกปกป้องและปิดกั้นด้วยเยื่อหุ้มเซลล์อีกชั้นหนึ่งทำให้ระบบการย่อยอาหารปกติของร่างกายเราไม่สามารถบดย่อย  เพื่อให้ได้สาร คลอโรฟิลล์ เพียงพอกับความต้องการของร่างกายเราได้ ถึงแม้ว่าเราจะบริโภคผักใบเขียวเป็นจำนวนมากในแต่ละวันก็ตาม อีกทั้ง  คลอโรฟิลล์โดยตัวของมันเองละลายน้ำไม่ได้จะละลายได้ในไขมันหรือในแอลกอฮอล์บางชนิดเท่านั้น แต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันเราสามารถ  สกัดเอาเฉพาะสารคลอโรฟิลล์ ออกมาได้อย่างสมบูรณ์และบริสุทธิ์ โดยปราศจากการสูญเสียคุณค่าทางอาหารตามธรรมชาติ ร่างกายจึงสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที
อย่างเต็มที่ และเป็น คลอโรฟิลล์ชนิดละลายน้ำได้ จึงดูดซึมได้ทันทีในกระเพาะอาหาร ในกรณี
ที่ร่างกายใช้ไม่หมด จะถูก  ขับทิ้งไปทางระบบขับถ่ายไม่สะสมไว้ในร่างกายผิดกับ คลอโรฟิลล์ชนิดที่ละลายในไขมัน จะไม่ถูกดูดซึมที่กระเพาะอาหารแต่จะย่อยและดูดซึม ได้ในลำไส้เล็ก คลอโรฟิลล์ชนิดนี้เมื่อร่างกายใช้ไม่หมดจะถูกส่งไปสะสมไว้ที่ตับ (Liver) ในระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจจะเกิดอันตรายต่อตับได้ องค์การ  อาหารและยาสหรัฐจึงให้การรับรองเฉพาะ คลอโรฟิลล์ที่ละลาย
น้ำได้(WATER SOLUBLE CHLOROPHYLL) เท่านั้นว่าปลอดภัยต่อการบริโภค  ของคน ถึงแม้ว่าจะบริโภคในปริมาณมากต่อวัน ก็ไม่เกิดผลเสียต่อร่างกายแต่อย่างใด
พลังงานสีเขียวจากอัลฟัลฟ่า คือ คลอโรฟิลล์ ที่ได้จากอัลฟัลฟ่าสด ที่เจริญเติบโตสดใส แข็งแรงด้วยขบวนการพิเศษที่สามารถถนอมคุณค่าทาง  โภชนาการทั้งมวล เช่น เกลือแร่ เอ็มไซม์และแอนตี้ออกซิแดนซ์สารโภชนาการที่ได้นี่เป็นสารอาหารจากธรรมชาติ ที่มีความสมบูรณ์และสมดุลต่อความต้องการของร่างการอย่างน่ามหัศจรรย์ ด้วยความรู้และภูมิปัญญาทางด้านสุขอนามัยในปัจจุบันนี้ ซึ่งผ่านการวิจัยมานานปี จาก ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ใช้กรรมวิธีการผลิตแบบถนอมอาหาร ทำให้สามารถผลิตอาหารแห่งชีวิตที่ร่างกายสามารถย่อยและนำไปใช้ประโยชน์ต่อทุกเซลล์ในร่างกาย พลังงานสีเขียวจากอัลฟัลฟ่า นอกจากจะช่วยบำรุงรักษาสุขภาพแล้ว
ยังสามารถช่วยต่อต้านโรคร้ายหลายชนิดได้ แก่ความดันโลหิตสูง (High Blood Pressure)คลอเรสตอรอลสูง (High Cholesterol) , โรคหัวใจ(Heart Disease) , โรคเอดส์ (AIDS) ,โรคภูมิแพ้(Allergies) , กลิ่นตัว (Body Odor) , โรคชรา (Aging) ,ผิวหนังเหี่ยวแห้ง(Wrinkle and Tued Skin)และการก่อตัวของอนุมูลอิสระ  (Free Radial Formation)




ต้นอัลฟัลฟ่า
คลอโรฟิลล์กับคุณค่าอาหารที่พิเศษ
จากประวัติศาสตร์ อันยาวนาน ธัญพืชและหญ้าเป็นอาหารหลักและยาของสัตว์โลกนานาชนิดในสังคมสมัยใหม่ที่นิยม อาหารจานด่วน(Fast Food) อาหารเหล่านี้ขาดพลังโภชนาการทางธรรมชาติและก่อปัญหาทางสุขภาพ สิ่งที่ขาดหายไปนี้ ไม่อาจทดแทนได้ด้วยตัวยาใดๆในการวิจัยค้นคว้าพืชอาหารในฝันที่อุดมด้วยโภชนาการ ได้มีการวิเคราะห์ พืชอาหารแทบทุกชนิดมากกว่า 6,000 ชนิด
ซึ่งมีทั้งถั่ว ผัก หญ้าและพืชสมุนไพรต่างๆ จากเมล็ด ใบ ต้น ของพืชเหล่านั้น ในที่สุดค้นพบว่าคลอโรฟิลล์จากอัลฟัลฟ่า นั้นคือพืชอาหารในฝัน ในเมื่ออัลฟัลฟ่าเป็นพืชตระกูลถั่ว ซึ่งขึ้นในแถบทะเลทรายเมื่อ 2,000 ปีก่อนคริสตกาลได้มีการค้นพบอัลฟัลฟ่าและนำมาใช้เป็นสมุนไพร เพื่อเพิ่มความแข็งแรง ของร่างกาย อัลฟัลฟ่า นอกจากอุดมไปด้วยสารอาหารแล้วยังมี คลอโรฟิลล์สูงเป็นพืชที่ให้เอสโตรเจนธรรมชาติรวมไปถึง เอมไซด์ 8 ชนิดคือไลเปส (Lipase) , อามีเลส (Amylase) , โคกูเลส (Coagulase) , อีมัลชิน (Emulsin) , อินเวอเทส(Invertase) , เปอร์ออกซิเดส (Peroxidase)   เพคติเนส (Petinase) และ โปรตีส (Protese) ที่สามารถต่อต้านสารพิษต่างๆ ได้ดีกว่าพืชชนิดอื่นๆ
คลอโรฟิลล์ช่วยคุณได้อย่างไร..? (How can chlorophyll help you… ?)
 จากประสบการณ์ของผู้ใช้-ผู้บริโภคจากทั่วโลก ได้ข้อสรุปที่น่าสนใจของคลอโรฟิลล์ ดังนี้
    ทำให้สดชื่น หายเหนื่อยจากการอ่อนเพลีย

   • ลดความดันโลหิต ลดปัญหาเส้นเลือดหัวใจตีบ

   • ปรับระดับน้ำตาลสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน

   • ทำให้อาการของคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ แพ้อากาศ ผื่นลมพิษทุเลาลง

   • ขับกรดจากข้อต่อต่างๆ ทำให้อาการปวดข้อ ปวดเมื่อยตามตัวทุเลาลง

   • ขับสารพิษออกจากร่างกาย สารตกค้างของยาปฏิชีวนะ สารเคมีตกค้างในอาหาร ทำให้ร่างกายมี
     ภูมิต้านทานดี สุขภาพแข็งแรง สดชื่นขึ้น

   • เพิ่มประสิทธิภาพเม็ดเลือดแดงและเซลล์เม็ดเลือดแดง ทำให้ระบบเลือดไหลเวียนดีขึ้น

   • ป้องกันการเจริญเติมโตของเซลล์มะเร็ง

   • แก้ปัญหาท้องผูก การขับถ่ายจะดีขึ้น ริดสีดวงทวารทุเลาและหายได้

   • ช่วยดับกลิ่นตัว กลิ่นปาก กลิ่นเท้า

   • บรรเทาอาการชา บวมและเส้นเลือดขอดให้ทุเลาลงได้

   • ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย, การใช้รักษาแผลอักเสบ, แผลเปื่อย, แผลเรื้อรัง, แผลถลอก
     แผลไฟไหม้, เหงือกอักเสบ, แผลในปาก

   • บรรเทาอาการปวดศีรษะทั่วไป และปวดศีรษะไมเกรนได้

   • แก้ปัญหาเรื่องสิว, ฝ้า, ปวดประจำเดือน, ประจำเดือนมาไม่ปกติ

   • ช่วยให้ผู้ที่เป็นต้อกระจกมองเห็นได้ดีขึ้น

   • มีสารอาหารบำรุงเส้นผม ทำให้ผมหงอกดำขึ้น ช่วยลดอาการผมร่วง

ข้อมูลข้างต้นเรียบเรียงจากหนังสือและข้อเขียนของ ดร.ฮาวเวิร์ด ไปเปอร์ (Dr. HOWARD PEIPER)



  คลอโรฟิลล์ (อังกฤษ: Chlorophyll) เป็นสารประกอบที่พบได้ในส่วนที่มีสีเขียวของพืช โดยพบมาก
ที่ใบนอกจากนี้ยังพบได้ที่ลำต้น ดอก ผลและรากที่มีสีเขียว และยังพบได้ในสาหร่ายทุกชนิด นอกจากนี้ยังพบได้ในแบคทีเรียบางชนิด คลอโรฟิลล์ทำหน้าที่เป็นโมเลกุลรับพลังงานจากแสง และนำพลังงานดังกล่าวไปใช้ในการสร้างพลังงานเคมีโดยกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง เพื่อสร้างสารอินทรีย์ เช่น
น้ำตาล และนำไป ใช้เพื่อการดำรงชีวิต  คลอโรฟิลล์ อยู่ในโครงสร้างที่เรียกว่า เยื่อหุ้มไทลาคอยล์
(Thylakoid membrane)ซึ่งเป็นเยื่อหุ้มที่อยู่ภายใน คลอโร    พลาสต์ (Chloroplast) 
โครงสร้างทางเคมี
คลอโรฟิลล์เป็นสารที่ละลายได้ดีในอะซีโตนและแอลกอฮอล์ โครงสร้างอาจแบ่งได้เป็นสองส่วนคือ ส่วนหัวและส่วนหาง โดยที่ส่วนหัวของคลอโรฟิลล์มีลักษณะเป็นวงแหวนไพรอล(pyrole ring) ที่มีไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบอยู่ 4 วง และมีธาตุแมกนีเซียมอยู่ตรงกลางโดยทำพันธะกับไนโตรเจน ส่วนหัวนี้มีขนาดประมาณ 1.5x1.5 อังสตรอม ส่วนหางของคลอโรฟิลล์
มีลักษณะเป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่มีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบ 20 อะตอม มีความยาวประมาณ 2 อังสตรอม คลอโรฟิลล์ดูดกลืนแสงได้ดีที่ช่วงคลื่นของแสงสีฟ้าและสีแดง แต่ดูด    กลืนช่วงแสงสีเหลืองและเขียวได้น้อย ดังนั้นเมื่อได้รับแสงจะดูดกลืนแสงสีฟ้าและสีแดงไว้ ส่วนแสงสีเขียวที่ไม่ได้ดูดกลืนจึงสะท้อนออกมา ทำให้    เห็นคลอโรฟิลล์มีสีเขียว 
 ในธรรมชาติมีคลอโรฟิลล์อยู่หลายชนิดด้วยกันซึ่งแต่ล่ะชนิดมีโครงสร้างหลักที่เหมือนกันคือวงแหวนไพรอล4 วง แต่โซ่ข้าง (side chain)ของ    คลอโรฟิลล์แต่ละชนิดจะมีลักษณะที่ต่างกันออกไป เช่น คลอโรฟิลล์ เอ(chlorophyll a) และคลอโรฟิลล์ บี (chlorophyll b) มี โครงสร้าง
โมเลกุลที่ต่างกันเพียงตำแหน่งเดียวเท่านั้น นั่นคือ ที่วงแหวนไพรอล วงที่สองของคลอโรฟิลล์ เอมีโซ่ข้างเป็นหมู่เมททิล (-CH3) ส่วน  ของคลอโรฟิลล์ บี เป็นหมู่อัลดีไฮด์ (-CHO)ซึ่งการที่โครงสร้างที่ต่างกันนี้ก็ทำให้มีคุณสมบัติแตกต่างกัน รวมทั้งคุณสมบัติการดูดกลืนแสงก็ต่างกันด้วยและทำให้คลอโรฟิลล์ทั้งสองชนิดนี้มีสีต่างกันเล็กน้อย โดยที่คลอโรฟิลล์ เอ มีสีเขียวเข้มส่วนคลอโรฟิลล์ บี มีสีเขียวอ่อน
ข้อแนะนำและปฏิบัติในการดื่มคลอโรฟิลล์ เพื่อรักษาโรค มีดังนี้...
วิธีผสมคลอโรฟิลล์........                                                                                     
1.ใช้สลิงค์ดูดคลอโรฟิลล์เหลว เข้มข้น 10ชีชี.ผสมน้ำสะอาด1ขวดใหญ่ปริมาณ 1.5ลิตร    
 2.ดื่มวันละ 2 เวลา ตื่นนอนตอนเช้าก่อนแปรงฟัน1แก้วและก่อนนอน1แก้ว(250ชีชี)
จากนั้นให้เพิ่มปริมาณ ขึ้นตามอาการหนักเบาของโรคโดยให้สอบถามผูู้แนะนำอาการทุกครั้ง....
  ภาวะกระทุ้งพิษ  1-7 วันแรก จะรูุู้สึกวิงเวียนศรีษะหรือปวดเมื่อยตามร่างกาย เหมื่อนมีไข้ ท้องผูกปวดท้อง  ท้องอืด เป็นต้น    เรียกอาการเหล่านี้ว่า  
***ปฎิกิริยาตอบโต้การบำบัด ร่างกายคายพิษออกมา  ไม่ใช่ผลข้างเคียงของคลอโรฟิลล์***      
 คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll)
คลอโรฟิลล์ คือ สารประกอบที่ทำให้พืชมีสีเขียว และทำหน้าที่หลักคือ สังเคราะห์แสง
(Photosynthesis)โดยการเปลี่ยนพลังงานจากแสง อาทิตย์ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
และแร่ธาตุต่างๆ จากดินให้กลายเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของพืช
รวมทั้งให้ก๊าซออกซิเจนที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์และสัตว์คลอโรฟิลล์ ธรรมชาติมีหลายชนิด บางชนิดสังเคราะห์แสงได้ในที่มีแสงแดดเท่านั้นแต่บางชนิด สังเคราะห์แสงได้แม้ในที่ไม่มีแสง เช่น ร่างกายของคน จึงมีการค้นคว้าเกี่ยวกับการทำงานหรือปฏิกิริยาคลอโรฟิลล์ ต่อคน พบว่าคลอโรฟิลล์ที่อยู่ในเซลล์ของพืชทั่วไปจะถูกปกป้องและปิดกั้นด้วยเยื่อหุ้มเซลล์อีกชั้นหนึ่งทำให้ระบบการย่อยอาหารปกติของร่างกายเราไม่สามารถบดย่อย  เพื่อให้ได้สาร คลอโรฟิลล์ เพียงพอกับความต้องการของร่างกายเราได้ ถึงแม้ว่าเราจะบริโภคผักใบเขียวเป็นจำนวนมากในแต่ละวันก็ตาม อีกทั้ง  คลอโรฟิลล์โดยตัวของมันเองละลายน้ำไม่ได้จะละลายได้ในไขมันหรือในแอลกอฮอล์บางชนิดเท่านั้น แต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันเราสามารถ  สกัดเอาเฉพาะสารคลอโรฟิลล์ ออกมาได้อย่างสมบูรณ์และบริสุทธิ์ โดยปราศจากการสูญเสียคุณค่าทางอาหารตามธรรมชาติ ร่างกายจึงสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที
อย่างเต็มที่ และเป็น คลอโรฟิลล์ชนิดละลายน้ำได้ จึงดูดซึมได้ทันทีในกระเพาะอาหาร ในกรณี
ที่ร่างกายใช้ไม่หมด จะถูก  ขับทิ้งไปทางระบบขับถ่ายไม่สะสมไว้ในร่างกายผิดกับ คลอโรฟิลล์ชนิดที่ละลายในไขมัน จะไม่ถูกดูดซึมที่กระเพาะอาหารแต่จะย่อยและดูดซึม ได้ในลำไส้เล็ก คลอโรฟิลล์ชนิดนี้เมื่อร่างกายใช้ไม่หมดจะถูกส่งไปสะสมไว้ที่ตับ (Liver) ในระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจจะเกิดอันตรายต่อตับได้ องค์การ  อาหารและยาสหรัฐจึงให้การรับรองเฉพาะ คลอโรฟิลล์ที่ละลาย
น้ำได้(WATER SOLUBLE CHLOROPHYLL) เท่านั้นว่าปลอดภัยต่อการบริโภค  ของคน ถึงแม้ว่าจะบริโภคในปริมาณมากต่อวัน ก็ไม่เกิดผลเสียต่อร่างกายแต่อย่างใด
พลังงานสีเขียวจากอัลฟัลฟ่า คือ คลอโรฟิลล์ ที่ได้จากอัลฟัลฟ่าสด ที่เจริญเติบโตสดใส แข็งแรงด้วยขบวนการพิเศษที่สามารถถนอมคุณค่าทาง  โภชนาการทั้งมวล เช่น เกลือแร่ เอ็มไซม์และแอนตี้ออกซิแดนซ์สารโภชนาการที่ได้นี่เป็นสารอาหารจากธรรมชาติ ที่มีความสมบูรณ์และสมดุลต่อความต้องการของร่างการอย่างน่ามหัศจรรย์ ด้วยความรู้และภูมิปัญญาทางด้านสุขอนามัยในปัจจุบันนี้ ซึ่งผ่านการวิจัยมานานปี จาก ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ใช้กรรมวิธีการผลิตแบบถนอมอาหาร ทำให้สามารถผลิตอาหารแห่งชีวิตที่ร่างกายสามารถย่อยและนำไปใช้ประโยชน์ต่อทุกเซลล์ในร่างกาย พลังงานสีเขียวจากอัลฟัลฟ่า นอกจากจะช่วยบำรุงรักษาสุขภาพแล้ว
ยังสามารถช่วยต่อต้านโรคร้ายหลายชนิดได้ แก่ความดันโลหิตสูง (High Blood Pressure)คลอเรสตอรอลสูง (High Cholesterol) , โรคหัวใจ(Heart Disease) , โรคเอดส์ (AIDS) ,โรคภูมิแพ้(Allergies) , กลิ่นตัว (Body Odor) , โรคชรา (Aging) ,ผิวหนังเหี่ยวแห้ง(Wrinkle and Tued Skin)และการก่อตัวของอนุมูลอิสระ  (Free Radial Formation)
 http://www.chaimongkon.com/images/4015827.jpgต้นอัลฟัลฟ่า
คลอโรฟิลล์กับคุณค่าอาหารที่พิเศษ
จากประวัติศาสตร์ อันยาวนาน ธัญพืชและหญ้าเป็นอาหารหลักและยาของสัตว์โลกนานาชนิดในสังคมสมัยใหม่ที่นิยม อาหารจานด่วน(Fast Food) อาหารเหล่านี้ขาดพลังโภชนาการทางธรรมชาติและก่อปัญหาทางสุขภาพ สิ่งที่ขาดหายไปนี้ ไม่อาจทดแทนได้ด้วยตัวยาใดๆในการวิจัยค้นคว้าพืชอาหารในฝันที่อุดมด้วยโภชนาการ ได้มีการวิเคราะห์ พืชอาหารแทบทุกชนิดมากกว่า 6,000 ชนิด
ซึ่งมีทั้งถั่ว ผัก หญ้าและพืชสมุนไพรต่างๆ จากเมล็ด ใบ ต้น ของพืชเหล่านั้น ในที่สุดค้นพบว่าคลอโรฟิลล์จากอัลฟัลฟ่า นั้นคือพืชอาหารในฝัน ในเมื่ออัลฟัลฟ่าเป็นพืชตระกูลถั่ว ซึ่งขึ้นในแถบทะเลทรายเมื่อ 2,000 ปีก่อนคริสตกาลได้มีการค้นพบอัลฟัลฟ่าและนำมาใช้เป็นสมุนไพร เพื่อเพิ่มความแข็งแรง ของร่างกาย อัลฟัลฟ่า นอกจากอุดมไปด้วยสารอาหารแล้วยังมี คลอโรฟิลล์สูงเป็นพืชที่ให้เอสโตรเจนธรรมชาติรวมไปถึง เอมไซด์ 8 ชนิดคือไลเปส (Lipase) , อามีเลส (Amylase) , โคกูเลส (Coagulase) , อีมัลชิน (Emulsin) , อินเวอเทส(Invertase) , เปอร์ออกซิเดส (Peroxidase)   เพคติเนส (Petinase) และ โปรตีส (Protese) ที่สามารถต่อต้านสารพิษต่างๆ ได้ดีกว่าพืชชนิดอื่นๆ
คลอโรฟิลล์ช่วยคุณได้อย่างไร..? (How can chlorophyll help you… ?)
 จากประสบการณ์ของผู้ใช้-ผู้บริโภคจากทั่วโลก ได้ข้อสรุปที่น่าสนใจของคลอโรฟิลล์ ดังนี้
    ทำให้สดชื่น หายเหนื่อยจากการอ่อนเพลีย

   • ลดความดันโลหิต ลดปัญหาเส้นเลือดหัวใจตีบ

   • ปรับระดับน้ำตาลสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน

   • ทำให้อาการของคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ แพ้อากาศ ผื่นลมพิษทุเลาลง

   • ขับกรดจากข้อต่อต่างๆ ทำให้อาการปวดข้อ ปวดเมื่อยตามตัวทุเลาลง

   • ขับสารพิษออกจากร่างกาย สารตกค้างของยาปฏิชีวนะ สารเคมีตกค้างในอาหาร ทำให้ร่างกายมี
     ภูมิต้านทานดี สุขภาพแข็งแรง สดชื่นขึ้น

   • เพิ่มประสิทธิภาพเม็ดเลือดแดงและเซลล์เม็ดเลือดแดง ทำให้ระบบเลือดไหลเวียนดีขึ้น

   • ป้องกันการเจริญเติมโตของเซลล์มะเร็ง

   • แก้ปัญหาท้องผูก การขับถ่ายจะดีขึ้น ริดสีดวงทวารทุเลาและหายได้

   • ช่วยดับกลิ่นตัว กลิ่นปาก กลิ่นเท้า

   • บรรเทาอาการชา บวมและเส้นเลือดขอดให้ทุเลาลงได้

   • ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย, การใช้รักษาแผลอักเสบ, แผลเปื่อย, แผลเรื้อรัง, แผลถลอก
     แผลไฟไหม้, เหงือกอักเสบ, แผลในปาก

   • บรรเทาอาการปวดศีรษะทั่วไป และปวดศีรษะไมเกรนได้

   • แก้ปัญหาเรื่องสิว, ฝ้า, ปวดประจำเดือน, ประจำเดือนมาไม่ปกติ

   • ช่วยให้ผู้ที่เป็นต้อกระจกมองเห็นได้ดีขึ้น

   • มีสารอาหารบำรุงเส้นผม ทำให้ผมหงอกดำขึ้น ช่วยลดอาการผมร่วง

ข้อมูลข้างต้นเรียบเรียงจากหนังสือและข้อเขียนของ ดร.ฮาวเวิร์ด ไปเปอร์ (Dr. HOWARD PEIPER)







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น