บริษัทบ้านสมุนไพรชัยมงคล
ได้นำเข้ผลิตภัณฑ์คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ 100
%ในรูปผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจาก บริษัท ดี ซูซ่าอินเตอร์เนชั่นแนล
อินเตอร์คอร์ปอเรชั่น โดยคลอโรฟิลล์ของดีซูซ่า
ได้รับการยอมรับว่าเป็นคลอโรฟิลล์ชนิดละลายน้ำได้
(WATER
SOLUBLE) และเป็นคลอโรฟิลล์ที่บริสุทธิ์สูงที่สุดที่มีการจำหน่ายในท้องตลาดปัจจุบันและเป็นบริษัทเดียวที่ได้รับหนังสือรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาในเงื่อนไขความบริสุทธิ์ของผลิตภัณฑ์
และเป็นคลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ต้องมีสารคลอโรฟิลล์ อย่างน้อย95
% เป็นคลอโรฟิลล์ที่ทั่วโลกยอมรับผ่าน
อย.เรียบร้อย อย.21-4-00449-1-001
ประธานบริษัท
บ้านสมุนไพรชัยมงคล
คุณ ชัยมงคล ศรีอุดม
คุณ ชัยมงคล ศรีอุดม
สำนักงานใหญ่
จังหวัดระยอง
ที่ตั้ง เลขที่ 103/9 หมู่ 6 ถ.เลี่ยงเมืองสาย 3 ต.ทับมา อ.เมืองระยอง จ.ระยอง 21000 ประเทศไทย
ที่ตั้ง เลขที่ 103/9 หมู่ 6 ถ.เลี่ยงเมืองสาย 3 ต.ทับมา อ.เมืองระยอง จ.ระยอง 21000 ประเทศไทย
บริษัท ดี ซูซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล อินคอร์ปอเรชั่น(WWW.DESOUZAS.COM)
ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1938 โดยใช้ชื่อว่า
ดี ซู่ซ่า ฟู๊ด คอมพานี ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น ดี ซูซ่า
คอร์ปอเรชั่น และเป็น ดี ซูซ่า
อินเตอร์เนชั่นแนลอินคอร์ปอเรชั่นในที่สุด
เมื่อ ดี ซู่ซ่า ได้ขยายตลาดครอบคลุมหลายประเทศมากขึ้น
โดยยึดมั่นในปรัชญาของบริษัทฯที่ว่ามุ่งมั่นสรรค์สร้างสุขภาพดีซึ่งมิสเตอร์พอล
ดี ซูซ่า ผู้ก่อตั้งได้ยึดถือเป็นหลักปฏิบัติตลอดมาพอล ดี ซูซ่า และ ดี
ซู่ซ่า ฟู๊ดคอมพานี ถือได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกรายแรกในธุรกิจ อาหารเพื่อสุขภาพ
ซึ่งเจริญเติบโตมากมายในปัจจุบัน พอล
ดี ซูซ่า เป็นชาวโปตุเกส โดยกำเนิดเมื่อวันที่8 พฤษภาคม
ค.ศ.1911 เป็นบุตรคนโตในจำนวน
17 คน เอ็มมานูเอล และมาเรีย-ดี-ซูซ่า ซึ่งอพยพครอบครัวมาอยู่ที่สหรัฐอเมริกาเมื่อเขาอายุได้เพียง
11 ปีได้เดินทางออกจากรัฐแมสซาซูเซตเพื่อไปแสวงโชคด้วยตนเองเมื่ออายุ 17
ปีพอล-ดี-ซูซ่า ได้ย้ายมาอยู่ที่รัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อปีค.ศ.1938พร้อมบริษัท ดี ซูซ่า คอมพานีเพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์พืชที่ดีต้องมาจากดินที่ดี
แต่ดินที่ถูกทำลาย
จากปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลงและยากำจัดวัชพืชต่างๆก็สามารถปฏิ พัฒนาให้กลับมามีสภาพที่ดีได้
ประวัติของ โรซารี่ ดี ซูซ่า
โรซารี่ ดี ซูซ่า-ประธานบริษัทดี ซูซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล อินคอร์ปอเรชั่น ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งในบริษัทตั้งแต่ปี ค.ศ.1970-เป็นนักจิตวิทยาอุทิศเวลาให้กับการศึกษา
ด้านศาสนา และให้การสนับสนุน
ช่วยเหลือในการค้นคว้าวิจัยเพื่อสิ่งต่างๆ อาทิเช่น
ด้านสุขภาพด้านความสุขและด้านมีชีวิตที่สงบสุขและในที่สุดเมื่อเธอได้พบและแต่งงานกับพอล
ดี ซูซ่า ผู้ค้นพบและได้ก่อตั้งบริษัทฯขึ้นจนประสบความสำเร็จในทุกวันนี้โรซารี่
ดี ซูซ่า ยังคงมีโครงการที่จะเปิด Universal
Love Activity WholisticCenterขึ้นในรัฐอริโซน่า
เพื่ออุทิศให้แก่สามีที่ล่วงลับไปแล้ว
ประวัติของ แคทเทอรีน โอ ฮีล
หลังจากชีวิตการทำงาน 40
ปี ด้านวิทยาศาสตร์เทคนิค และวิศวกรรมเครื่องกล แคทเทอรีนได้ย้ายจากออเร้นจ์ รัฐแคลิฟอเนีย ไปยังซาน จาซินโต้ และได้ลาออก เมื่อปี 1991 ในปีถัดมาเธอได้มีโอกาสได้เข้าร่วมงานที่บริษัทดี ซูซ่า เธอได้ทุ่มเทให้กับการศึกษาทางด้านโภชนาการเพื่อการมีชีวิตที่ดี ในปี1992-เธอได้ดำรงตำแหน่งเป็น Office-Co-ordinatorและในเดือนมิถุนายน
ปี 1994 เธอดำรง
ตำแหน่งเป็น Vice President Operations.
คลอโรฟิลล์ (อังกฤษ: Chlorophyll)
เป็นสารประกอบที่พบได้ในส่วนที่มีสีเขียวของพืช โดยพบมาก
ที่ใบนอกจากนี้ยังพบได้ที่ลำต้น
ดอก ผลและรากที่มีสีเขียว
และยังพบได้ในสาหร่ายทุกชนิด นอกจากนี้ยังพบได้ในแบคทีเรียบางชนิด
คลอโรฟิลล์ทำหน้าที่เป็นโมเลกุลรับพลังงานจากแสง
และนำพลังงานดังกล่าวไปใช้ในการสร้างพลังงานเคมีโดยกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง
เพื่อสร้างสารอินทรีย์ เช่น
น้ำตาล และนำไป ใช้เพื่อการดำรงชีวิต คลอโรฟิลล์ อยู่ในโครงสร้างที่เรียกว่า
เยื่อหุ้มไทลาคอยล์
(Thylakoid
membrane)ซึ่งเป็นเยื่อหุ้มที่อยู่ภายใน
คลอโร พลาสต์ (Chloroplast)
โครงสร้างทางเคมี
คลอโรฟิลล์เป็นสารที่ละลายได้ดีในอะซีโตนและแอลกอฮอล์
โครงสร้างอาจแบ่งได้เป็นสองส่วนคือ ส่วนหัวและส่วนหาง
โดยที่ส่วนหัวของคลอโรฟิลล์มีลักษณะเป็นวงแหวนไพรอล(pyrole
ring) ที่มีไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบอยู่
4 วง และมีธาตุแมกนีเซียมอยู่ตรงกลางโดยทำพันธะกับไนโตรเจน
ส่วนหัวนี้มีขนาดประมาณ
1.5x1.5 อังสตรอม ส่วนหางของคลอโรฟิลล์
มีลักษณะเป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่มีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบ
20 อะตอม มีความยาวประมาณ 2 อังสตรอม คลอโรฟิลล์ดูดกลืนแสงได้ดีที่ช่วงคลื่นของแสงสีฟ้าและสีแดง
แต่ดูด กลืนช่วงแสงสีเหลืองและเขียวได้น้อย
ดังนั้นเมื่อได้รับแสงจะดูดกลืนแสงสีฟ้าและสีแดงไว้
ส่วนแสงสีเขียวที่ไม่ได้ดูดกลืนจึงสะท้อนออกมา ทำให้
เห็นคลอโรฟิลล์มีสีเขียว
ในธรรมชาติมีคลอโรฟิลล์อยู่หลายชนิดด้วยกันซึ่งแต่ล่ะชนิดมีโครงสร้างหลักที่เหมือนกันคือวงแหวนไพรอล4
วง แต่โซ่ข้าง (side
chain)ของ
คลอโรฟิลล์แต่ละชนิดจะมีลักษณะที่ต่างกันออกไป เช่น
คลอโรฟิลล์ เอ(chlorophyll
a) และคลอโรฟิลล์ บี (chlorophyll b) มี โครงสร้าง
โมเลกุลที่ต่างกันเพียงตำแหน่งเดียวเท่านั้น
นั่นคือ ที่วงแหวนไพรอล วงที่สองของคลอโรฟิลล์
เอมีโซ่ข้างเป็นหมู่เมททิล (-CH3)
ส่วน ของคลอโรฟิลล์
บี เป็นหมู่อัลดีไฮด์ (-CHO)ซึ่งการที่โครงสร้างที่ต่างกันนี้ก็ทำให้มีคุณสมบัติแตกต่างกัน
รวมทั้งคุณสมบัติการดูดกลืนแสงก็ต่างกันด้วยและทำให้คลอโรฟิลล์ทั้งสองชนิดนี้มีสีต่างกันเล็กน้อย
โดยที่คลอโรฟิลล์ เอ มีสีเขียวเข้มส่วนคลอโรฟิลล์
บี มีสีเขียวอ่อน
ข้อแนะนำและปฏิบัติในการดื่มคลอโรฟิลล์ เพื่อรักษาโรค มีดังนี้...
วิธีผสมคลอโรฟิลล์........
1.ใช้สลิงค์ดูดคลอโรฟิลล์เหลว เข้มข้น 10ชีชี.ผสมน้ำสะอาด1ขวดใหญ่ปริมาณ 1.5ลิตร
2.ดื่มวันละ 2
เวลา ตื่นนอนตอนเช้าก่อนแปรงฟัน1แก้วและก่อนนอน1แก้ว(250ชีชี)
จากนั้นให้เพิ่มปริมาณ ขึ้นตามอาการหนักเบาของโรคโดยให้สอบถามผูู้แนะนำอาการทุกครั้ง....
ภาวะกระทุ้งพิษ 1-7 วันแรก
จะรูุู้สึกวิงเวียนศรีษะหรือปวดเมื่อยตามร่างกาย เหมื่อนมีไข้ ท้องผูกปวดท้อง
ท้องอืด
เป็นต้น เรียกอาการเหล่านี้ว่า
***ปฎิกิริยาตอบโต้การบำบัด ร่างกายคายพิษออกมา
ไม่ใช่ผลข้างเคียงของคลอโรฟิลล์***
คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll)
คลอโรฟิลล์ คือ สารประกอบที่ทำให้พืชมีสีเขียว และทำหน้าที่หลักคือ
สังเคราะห์แสง
(Photosynthesis)โดยการเปลี่ยนพลังงานจากแสง
อาทิตย์ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
และแร่ธาตุต่างๆ จากดินให้กลายเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของพืช
รวมทั้งให้ก๊าซออกซิเจนที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์และสัตว์คลอโรฟิลล์
ธรรมชาติมีหลายชนิด บางชนิดสังเคราะห์แสงได้ในที่มีแสงแดดเท่านั้นแต่บางชนิด
สังเคราะห์แสงได้แม้ในที่ไม่มีแสง เช่น ร่างกายของคน
จึงมีการค้นคว้าเกี่ยวกับการทำงานหรือปฏิกิริยาคลอโรฟิลล์ ต่อคน พบว่าคลอโรฟิลล์ที่อยู่ในเซลล์ของพืชทั่วไปจะถูกปกป้องและปิดกั้นด้วยเยื่อหุ้มเซลล์อีกชั้นหนึ่งทำให้ระบบการย่อยอาหารปกติของร่างกายเราไม่สามารถบดย่อย
เพื่อให้ได้สาร คลอโรฟิลล์ เพียงพอกับความต้องการของร่างกายเราได้
ถึงแม้ว่าเราจะบริโภคผักใบเขียวเป็นจำนวนมากในแต่ละวันก็ตาม
อีกทั้ง คลอโรฟิลล์โดยตัวของมันเองละลายน้ำไม่ได้จะละลายได้ในไขมันหรือในแอลกอฮอล์บางชนิดเท่านั้น
แต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันเราสามารถ สกัดเอาเฉพาะสารคลอโรฟิลล์
ออกมาได้อย่างสมบูรณ์และบริสุทธิ์ โดยปราศจากการสูญเสียคุณค่าทางอาหารตามธรรมชาติ
ร่างกายจึงสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที
อย่างเต็มที่ และเป็น คลอโรฟิลล์ชนิดละลายน้ำได้
จึงดูดซึมได้ทันทีในกระเพาะอาหาร
ในกรณี
ที่ร่างกายใช้ไม่หมด จะถูก ขับทิ้งไปทางระบบขับถ่ายไม่สะสมไว้ในร่างกายผิดกับ
คลอโรฟิลล์ชนิดที่ละลายในไขมัน
จะไม่ถูกดูดซึมที่กระเพาะอาหารแต่จะย่อยและดูดซึม ได้ในลำไส้เล็ก
คลอโรฟิลล์ชนิดนี้เมื่อร่างกายใช้ไม่หมดจะถูกส่งไปสะสมไว้ที่ตับ
(Liver) ในระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจจะเกิดอันตรายต่อตับได้
องค์การ อาหารและยาสหรัฐจึงให้การรับรองเฉพาะ
คลอโรฟิลล์ที่ละลาย
น้ำได้(WATER
SOLUBLE CHLOROPHYLL) เท่านั้นว่าปลอดภัยต่อการบริโภค
ของคน ถึงแม้ว่าจะบริโภคในปริมาณมากต่อวัน
ก็ไม่เกิดผลเสียต่อร่างกายแต่อย่างใด
พลังงานสีเขียวจากอัลฟัลฟ่า คือ คลอโรฟิลล์
ที่ได้จากอัลฟัลฟ่าสด ที่เจริญเติบโตสดใส แข็งแรงด้วยขบวนการพิเศษที่สามารถถนอมคุณค่าทาง
โภชนาการทั้งมวล เช่น เกลือแร่ เอ็มไซม์และแอนตี้ออกซิแดนซ์สารโภชนาการที่ได้นี่เป็นสารอาหารจากธรรมชาติ
ที่มีความสมบูรณ์และสมดุลต่อความต้องการของร่างการอย่างน่ามหัศจรรย์
ด้วยความรู้และภูมิปัญญาทางด้านสุขอนามัยในปัจจุบันนี้
ซึ่งผ่านการวิจัยมานานปี จาก ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ใช้กรรมวิธีการผลิตแบบถนอมอาหาร
ทำให้สามารถผลิตอาหารแห่งชีวิตที่ร่างกายสามารถย่อยและนำไปใช้ประโยชน์ต่อทุกเซลล์ในร่างกาย
พลังงานสีเขียวจากอัลฟัลฟ่า นอกจากจะช่วยบำรุงรักษาสุขภาพแล้ว
ยังสามารถช่วยต่อต้านโรคร้ายหลายชนิดได้
แก่ความดันโลหิตสูง
(High
Blood Pressure)คลอเรสตอรอลสูง (High Cholesterol) , โรคหัวใจ(Heart
Disease) , โรคเอดส์ (AIDS) ,โรคภูมิแพ้(Allergies)
, กลิ่นตัว (Body Odor) , โรคชรา (Aging)
,ผิวหนังเหี่ยวแห้ง(Wrinkle
and Tued Skin)และการก่อตัวของอนุมูลอิสระ
(Free Radial Formation)
ต้นอัลฟัลฟ่า
คลอโรฟิลล์กับคุณค่าอาหารที่พิเศษ
จากประวัติศาสตร์ อันยาวนาน
ธัญพืชและหญ้าเป็นอาหารหลักและยาของสัตว์โลกนานาชนิดในสังคมสมัยใหม่ที่นิยม
อาหารจานด่วน(Fast
Food) อาหารเหล่านี้ขาดพลังโภชนาการทางธรรมชาติและก่อปัญหาทางสุขภาพ
สิ่งที่ขาดหายไปนี้ ไม่อาจทดแทนได้ด้วยตัวยาใดๆในการวิจัยค้นคว้าพืชอาหารในฝันที่อุดมด้วยโภชนาการ
ได้มีการวิเคราะห์ พืชอาหารแทบทุกชนิดมากกว่า 6,000 ชนิด
ซึ่งมีทั้งถั่ว ผัก หญ้าและพืชสมุนไพรต่างๆ
จากเมล็ด ใบ ต้น ของพืชเหล่านั้น ในที่สุดค้นพบว่าคลอโรฟิลล์จากอัลฟัลฟ่า
นั้นคือพืชอาหารในฝัน
ในเมื่ออัลฟัลฟ่าเป็นพืชตระกูลถั่ว
ซึ่งขึ้นในแถบทะเลทรายเมื่อ 2,000
ปีก่อนคริสตกาลได้มีการค้นพบอัลฟัลฟ่าและนำมาใช้เป็นสมุนไพร
เพื่อเพิ่มความแข็งแรง ของร่างกาย อัลฟัลฟ่า นอกจากอุดมไปด้วยสารอาหารแล้วยังมี
คลอโรฟิลล์สูงเป็นพืชที่ให้เอสโตรเจนธรรมชาติรวมไปถึง เอมไซด์ 8 ชนิดคือไลเปส
(Lipase) , อามีเลส (Amylase) , โคกูเลส
(Coagulase) , อีมัลชิน (Emulsin) , อินเวอเทส(Invertase)
, เปอร์ออกซิเดส (Peroxidase)
เพคติเนส (Petinase) และ โปรตีส (Protese)
ที่สามารถต่อต้านสารพิษต่างๆ ได้ดีกว่าพืชชนิดอื่นๆ
คลอโรฟิลล์ช่วยคุณได้อย่างไร..?
(How can chlorophyll help you… ?)
จากประสบการณ์ของผู้ใช้-ผู้บริโภคจากทั่วโลก
ได้ข้อสรุปที่น่าสนใจของคลอโรฟิลล์ ดังนี้
• ทำให้สดชื่น หายเหนื่อยจากการอ่อนเพลีย
• ลดความดันโลหิต ลดปัญหาเส้นเลือดหัวใจตีบ
• ปรับระดับน้ำตาลสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน
• ทำให้อาการของคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ แพ้อากาศ ผื่นลมพิษทุเลาลง
• ขับกรดจากข้อต่อต่างๆ ทำให้อาการปวดข้อ
ปวดเมื่อยตามตัวทุเลาลง
• ขับสารพิษออกจากร่างกาย สารตกค้างของยาปฏิชีวนะ
สารเคมีตกค้างในอาหาร ทำให้ร่างกายมี
ภูมิต้านทานดี สุขภาพแข็งแรง สดชื่นขึ้น
• เพิ่มประสิทธิภาพเม็ดเลือดแดงและเซลล์เม็ดเลือดแดง
ทำให้ระบบเลือดไหลเวียนดีขึ้น
• ป้องกันการเจริญเติมโตของเซลล์มะเร็ง
• แก้ปัญหาท้องผูก การขับถ่ายจะดีขึ้น
ริดสีดวงทวารทุเลาและหายได้
• ช่วยดับกลิ่นตัว กลิ่นปาก กลิ่นเท้า
• บรรเทาอาการชา บวมและเส้นเลือดขอดให้ทุเลาลงได้
• ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย,
การใช้รักษาแผลอักเสบ, แผลเปื่อย, แผลเรื้อรัง, แผลถลอก
แผลไฟไหม้, เหงือกอักเสบ,
แผลในปาก
• บรรเทาอาการปวดศีรษะทั่วไป และปวดศีรษะไมเกรนได้
• แก้ปัญหาเรื่องสิว,
ฝ้า, ปวดประจำเดือน, ประจำเดือนมาไม่ปกติ
• ช่วยให้ผู้ที่เป็นต้อกระจกมองเห็นได้ดีขึ้น
• มีสารอาหารบำรุงเส้นผม ทำให้ผมหงอกดำขึ้น ช่วยลดอาการผมร่วง
ข้อมูลข้างต้นเรียบเรียงจากหนังสือและข้อเขียนของ
ดร.ฮาวเวิร์ด ไปเปอร์ (Dr.
HOWARD PEIPER)
ที่ใบนอกจากนี้ยังพบได้ที่ลำต้น
ดอก ผลและรากที่มีสีเขียว
และยังพบได้ในสาหร่ายทุกชนิด นอกจากนี้ยังพบได้ในแบคทีเรียบางชนิด
คลอโรฟิลล์ทำหน้าที่เป็นโมเลกุลรับพลังงานจากแสง
และนำพลังงานดังกล่าวไปใช้ในการสร้างพลังงานเคมีโดยกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง
เพื่อสร้างสารอินทรีย์ เช่น
น้ำตาล และนำไป ใช้เพื่อการดำรงชีวิต คลอโรฟิลล์ อยู่ในโครงสร้างที่เรียกว่า
เยื่อหุ้มไทลาคอยล์
(Thylakoid
membrane)ซึ่งเป็นเยื่อหุ้มที่อยู่ภายใน
คลอโร พลาสต์ (Chloroplast)
โครงสร้างทางเคมี
คลอโรฟิลล์เป็นสารที่ละลายได้ดีในอะซีโตนและแอลกอฮอล์
โครงสร้างอาจแบ่งได้เป็นสองส่วนคือ ส่วนหัวและส่วนหาง
โดยที่ส่วนหัวของคลอโรฟิลล์มีลักษณะเป็นวงแหวนไพรอล(pyrole
ring) ที่มีไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบอยู่
4 วง และมีธาตุแมกนีเซียมอยู่ตรงกลางโดยทำพันธะกับไนโตรเจน
ส่วนหัวนี้มีขนาดประมาณ
1.5x1.5 อังสตรอม ส่วนหางของคลอโรฟิลล์
มีลักษณะเป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่มีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบ
20 อะตอม มีความยาวประมาณ 2 อังสตรอม คลอโรฟิลล์ดูดกลืนแสงได้ดีที่ช่วงคลื่นของแสงสีฟ้าและสีแดง
แต่ดูด กลืนช่วงแสงสีเหลืองและเขียวได้น้อย
ดังนั้นเมื่อได้รับแสงจะดูดกลืนแสงสีฟ้าและสีแดงไว้
ส่วนแสงสีเขียวที่ไม่ได้ดูดกลืนจึงสะท้อนออกมา ทำให้
เห็นคลอโรฟิลล์มีสีเขียว
ในธรรมชาติมีคลอโรฟิลล์อยู่หลายชนิดด้วยกันซึ่งแต่ล่ะชนิดมีโครงสร้างหลักที่เหมือนกันคือวงแหวนไพรอล4
วง แต่โซ่ข้าง (side
chain)ของ
คลอโรฟิลล์แต่ละชนิดจะมีลักษณะที่ต่างกันออกไป เช่น
คลอโรฟิลล์ เอ(chlorophyll
a) และคลอโรฟิลล์ บี (chlorophyll b) มี โครงสร้าง
โมเลกุลที่ต่างกันเพียงตำแหน่งเดียวเท่านั้น
นั่นคือ ที่วงแหวนไพรอล วงที่สองของคลอโรฟิลล์
เอมีโซ่ข้างเป็นหมู่เมททิล (-CH3)
ส่วน ของคลอโรฟิลล์
บี เป็นหมู่อัลดีไฮด์ (-CHO)ซึ่งการที่โครงสร้างที่ต่างกันนี้ก็ทำให้มีคุณสมบัติแตกต่างกัน
รวมทั้งคุณสมบัติการดูดกลืนแสงก็ต่างกันด้วยและทำให้คลอโรฟิลล์ทั้งสองชนิดนี้มีสีต่างกันเล็กน้อย
โดยที่คลอโรฟิลล์ เอ มีสีเขียวเข้มส่วนคลอโรฟิลล์
บี มีสีเขียวอ่อน
ข้อแนะนำและปฏิบัติในการดื่มคลอโรฟิลล์ เพื่อรักษาโรค มีดังนี้...
วิธีผสมคลอโรฟิลล์........
1.ใช้สลิงค์ดูดคลอโรฟิลล์เหลว เข้มข้น 10ชีชี.ผสมน้ำสะอาด1ขวดใหญ่ปริมาณ 1.5ลิตร
2.ดื่มวันละ 2
เวลา ตื่นนอนตอนเช้าก่อนแปรงฟัน1แก้วและก่อนนอน1แก้ว(250ชีชี)
จากนั้นให้เพิ่มปริมาณ ขึ้นตามอาการหนักเบาของโรคโดยให้สอบถามผูู้แนะนำอาการทุกครั้ง....
ภาวะกระทุ้งพิษ 1-7 วันแรก
จะรูุู้สึกวิงเวียนศรีษะหรือปวดเมื่อยตามร่างกาย เหมื่อนมีไข้ ท้องผูกปวดท้อง
ท้องอืด
เป็นต้น เรียกอาการเหล่านี้ว่า
***ปฎิกิริยาตอบโต้การบำบัด ร่างกายคายพิษออกมา
ไม่ใช่ผลข้างเคียงของคลอโรฟิลล์***
คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll)
คลอโรฟิลล์ คือ สารประกอบที่ทำให้พืชมีสีเขียว และทำหน้าที่หลักคือ
สังเคราะห์แสง
(Photosynthesis)โดยการเปลี่ยนพลังงานจากแสง
อาทิตย์ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
และแร่ธาตุต่างๆ จากดินให้กลายเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของพืช
รวมทั้งให้ก๊าซออกซิเจนที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์และสัตว์คลอโรฟิลล์
ธรรมชาติมีหลายชนิด บางชนิดสังเคราะห์แสงได้ในที่มีแสงแดดเท่านั้นแต่บางชนิด
สังเคราะห์แสงได้แม้ในที่ไม่มีแสง เช่น ร่างกายของคน
จึงมีการค้นคว้าเกี่ยวกับการทำงานหรือปฏิกิริยาคลอโรฟิลล์ ต่อคน พบว่าคลอโรฟิลล์ที่อยู่ในเซลล์ของพืชทั่วไปจะถูกปกป้องและปิดกั้นด้วยเยื่อหุ้มเซลล์อีกชั้นหนึ่งทำให้ระบบการย่อยอาหารปกติของร่างกายเราไม่สามารถบดย่อย
เพื่อให้ได้สาร คลอโรฟิลล์ เพียงพอกับความต้องการของร่างกายเราได้
ถึงแม้ว่าเราจะบริโภคผักใบเขียวเป็นจำนวนมากในแต่ละวันก็ตาม
อีกทั้ง คลอโรฟิลล์โดยตัวของมันเองละลายน้ำไม่ได้จะละลายได้ในไขมันหรือในแอลกอฮอล์บางชนิดเท่านั้น
แต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันเราสามารถ สกัดเอาเฉพาะสารคลอโรฟิลล์
ออกมาได้อย่างสมบูรณ์และบริสุทธิ์ โดยปราศจากการสูญเสียคุณค่าทางอาหารตามธรรมชาติ
ร่างกายจึงสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที
อย่างเต็มที่ และเป็น คลอโรฟิลล์ชนิดละลายน้ำได้
จึงดูดซึมได้ทันทีในกระเพาะอาหาร
ในกรณี
ที่ร่างกายใช้ไม่หมด จะถูก ขับทิ้งไปทางระบบขับถ่ายไม่สะสมไว้ในร่างกายผิดกับ
คลอโรฟิลล์ชนิดที่ละลายในไขมัน
จะไม่ถูกดูดซึมที่กระเพาะอาหารแต่จะย่อยและดูดซึม ได้ในลำไส้เล็ก
คลอโรฟิลล์ชนิดนี้เมื่อร่างกายใช้ไม่หมดจะถูกส่งไปสะสมไว้ที่ตับ
(Liver) ในระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งอาจจะเกิดอันตรายต่อตับได้
องค์การ อาหารและยาสหรัฐจึงให้การรับรองเฉพาะ
คลอโรฟิลล์ที่ละลาย
น้ำได้(WATER
SOLUBLE CHLOROPHYLL) เท่านั้นว่าปลอดภัยต่อการบริโภค
ของคน ถึงแม้ว่าจะบริโภคในปริมาณมากต่อวัน
ก็ไม่เกิดผลเสียต่อร่างกายแต่อย่างใด
พลังงานสีเขียวจากอัลฟัลฟ่า คือ คลอโรฟิลล์
ที่ได้จากอัลฟัลฟ่าสด ที่เจริญเติบโตสดใส แข็งแรงด้วยขบวนการพิเศษที่สามารถถนอมคุณค่าทาง
โภชนาการทั้งมวล เช่น เกลือแร่ เอ็มไซม์และแอนตี้ออกซิแดนซ์สารโภชนาการที่ได้นี่เป็นสารอาหารจากธรรมชาติ
ที่มีความสมบูรณ์และสมดุลต่อความต้องการของร่างการอย่างน่ามหัศจรรย์
ด้วยความรู้และภูมิปัญญาทางด้านสุขอนามัยในปัจจุบันนี้
ซึ่งผ่านการวิจัยมานานปี จาก ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ใช้กรรมวิธีการผลิตแบบถนอมอาหาร
ทำให้สามารถผลิตอาหารแห่งชีวิตที่ร่างกายสามารถย่อยและนำไปใช้ประโยชน์ต่อทุกเซลล์ในร่างกาย
พลังงานสีเขียวจากอัลฟัลฟ่า นอกจากจะช่วยบำรุงรักษาสุขภาพแล้ว
ยังสามารถช่วยต่อต้านโรคร้ายหลายชนิดได้
แก่ความดันโลหิตสูง
(High
Blood Pressure)คลอเรสตอรอลสูง (High Cholesterol) , โรคหัวใจ(Heart
Disease) , โรคเอดส์ (AIDS) ,โรคภูมิแพ้(Allergies)
, กลิ่นตัว (Body Odor) , โรคชรา (Aging)
,ผิวหนังเหี่ยวแห้ง(Wrinkle
and Tued Skin)และการก่อตัวของอนุมูลอิสระ
(Free Radial Formation)
ต้นอัลฟัลฟ่า
คลอโรฟิลล์กับคุณค่าอาหารที่พิเศษ
จากประวัติศาสตร์ อันยาวนาน
ธัญพืชและหญ้าเป็นอาหารหลักและยาของสัตว์โลกนานาชนิดในสังคมสมัยใหม่ที่นิยม
อาหารจานด่วน(Fast
Food) อาหารเหล่านี้ขาดพลังโภชนาการทางธรรมชาติและก่อปัญหาทางสุขภาพ
สิ่งที่ขาดหายไปนี้ ไม่อาจทดแทนได้ด้วยตัวยาใดๆในการวิจัยค้นคว้าพืชอาหารในฝันที่อุดมด้วยโภชนาการ
ได้มีการวิเคราะห์ พืชอาหารแทบทุกชนิดมากกว่า 6,000 ชนิด
ซึ่งมีทั้งถั่ว ผัก หญ้าและพืชสมุนไพรต่างๆ
จากเมล็ด ใบ ต้น ของพืชเหล่านั้น ในที่สุดค้นพบว่าคลอโรฟิลล์จากอัลฟัลฟ่า
นั้นคือพืชอาหารในฝัน
ในเมื่ออัลฟัลฟ่าเป็นพืชตระกูลถั่ว
ซึ่งขึ้นในแถบทะเลทรายเมื่อ 2,000
ปีก่อนคริสตกาลได้มีการค้นพบอัลฟัลฟ่าและนำมาใช้เป็นสมุนไพร
เพื่อเพิ่มความแข็งแรง ของร่างกาย อัลฟัลฟ่า นอกจากอุดมไปด้วยสารอาหารแล้วยังมี
คลอโรฟิลล์สูงเป็นพืชที่ให้เอสโตรเจนธรรมชาติรวมไปถึง เอมไซด์ 8 ชนิดคือไลเปส
(Lipase) , อามีเลส (Amylase) , โคกูเลส
(Coagulase) , อีมัลชิน (Emulsin) , อินเวอเทส(Invertase)
, เปอร์ออกซิเดส (Peroxidase)
เพคติเนส (Petinase) และ โปรตีส (Protese)
ที่สามารถต่อต้านสารพิษต่างๆ ได้ดีกว่าพืชชนิดอื่นๆ
คลอโรฟิลล์ช่วยคุณได้อย่างไร..?
(How can chlorophyll help you… ?)
จากประสบการณ์ของผู้ใช้-ผู้บริโภคจากทั่วโลก
ได้ข้อสรุปที่น่าสนใจของคลอโรฟิลล์ ดังนี้
• ทำให้สดชื่น หายเหนื่อยจากการอ่อนเพลีย
• ลดความดันโลหิต ลดปัญหาเส้นเลือดหัวใจตีบ
• ปรับระดับน้ำตาลสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน
• ทำให้อาการของคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ แพ้อากาศ ผื่นลมพิษทุเลาลง
• ขับกรดจากข้อต่อต่างๆ ทำให้อาการปวดข้อ
ปวดเมื่อยตามตัวทุเลาลง
• ขับสารพิษออกจากร่างกาย สารตกค้างของยาปฏิชีวนะ
สารเคมีตกค้างในอาหาร ทำให้ร่างกายมี
ภูมิต้านทานดี สุขภาพแข็งแรง สดชื่นขึ้น
• เพิ่มประสิทธิภาพเม็ดเลือดแดงและเซลล์เม็ดเลือดแดง
ทำให้ระบบเลือดไหลเวียนดีขึ้น
• ป้องกันการเจริญเติมโตของเซลล์มะเร็ง
• แก้ปัญหาท้องผูก การขับถ่ายจะดีขึ้น
ริดสีดวงทวารทุเลาและหายได้
• ช่วยดับกลิ่นตัว กลิ่นปาก กลิ่นเท้า
• บรรเทาอาการชา บวมและเส้นเลือดขอดให้ทุเลาลงได้
• ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย,
การใช้รักษาแผลอักเสบ, แผลเปื่อย, แผลเรื้อรัง, แผลถลอก
แผลไฟไหม้, เหงือกอักเสบ,
แผลในปาก
• บรรเทาอาการปวดศีรษะทั่วไป และปวดศีรษะไมเกรนได้
• แก้ปัญหาเรื่องสิว,
ฝ้า, ปวดประจำเดือน, ประจำเดือนมาไม่ปกติ
• ช่วยให้ผู้ที่เป็นต้อกระจกมองเห็นได้ดีขึ้น
• มีสารอาหารบำรุงเส้นผม ทำให้ผมหงอกดำขึ้น ช่วยลดอาการผมร่วง
ข้อมูลข้างต้นเรียบเรียงจากหนังสือและข้อเขียนของ
ดร.ฮาวเวิร์ด ไปเปอร์ (Dr.
HOWARD PEIPER)







ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น